Из-за периодической блокировки нашего сайта РКН сервисами, просим воспользоваться резервным адресом:
Загрузить через dTub.ru Загрузить через ClipSaver.ruУ нас вы можете посмотреть бесплатно มินิซีรีส์ : โทษภัยของการพูดโกหก (ภาพใหม่ล่าสุดจากพุทธศิลป์ วัดพระธรรมกาย) или скачать в максимальном доступном качестве, которое было загружено на ютуб. Для скачивания выберите вариант из формы ниже:
Роботам не доступно скачивание файлов. Если вы считаете что это ошибочное сообщение - попробуйте зайти на сайт через браузер google chrome или mozilla firefox. Если сообщение не исчезает - напишите о проблеме в обратную связь. Спасибо.
Если кнопки скачивания не
загрузились
НАЖМИТЕ ЗДЕСЬ или обновите страницу
Если возникают проблемы со скачиванием, пожалуйста напишите в поддержку по адресу внизу
страницы.
Спасибо за использование сервиса savevideohd.ru
🌟มินิซีรีส์ : โทษภัยของการพูดโกหก ผิดศีลข้อที่ ๔ 🌟 ความวุ่นวายที่เกิดบนโลก โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดจากการพูดจาโกหก หลอกลวง กลับกลอกกลับไปกลับมา เรามักจะพบเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่เว้นเด็กเว้นผู้ใหญ่ มีหน้าตาฐานะทางสังคมอย่างไรและไม่มีกำแพงชนชาติมากีดกัน ซึ่งมักจะใช้คำสั้น ๆ ว่า “ เด็กเลี้ยงแกะ ” เป็นข้อความที่บ่งชี้ให้เห็นว่าบุคคลนั้น ๆ ที่ถูกประณามเป็นคนพูดโกหก พูดหลอกลวง ทำให้ผู้อื่นหลงเชื่อ ซึ่งถือว่าผิดศีลห้าในข้อที่ ๔ นั่นเอง ที่มีชื่อว่า มุสาวาท มุสา แปลว่า เท็จ หรือ ไม่จริง วาท แปลว่า คำพูด รวมเรียกว่า มุสาวาท แปลว่า คำพูดที่ไม่เป็นความจริง พูดโกหก การกล่าวคำเท็จ ซึ่งส่วนมากใช้วาจา ในการแสดงความเท็จหรือโกหก สามารถแสดงได้ทั้ง ๒ ทางคือ ทางวาจา กับ ทางกาย ทางวาจา คือ พูดคำเท็จออกมา ทางกาย คือ แสดงทางกาย เช่น การเขียนจดหมายโกหก รายงานเท็จ ทำหลักฐานปลอม ตีพิมพ์ข่าวเท็จ เผยแผ่ ทำเครื่องหมายให้คนอื่นหลงเชื่อ ตลอดจนการแสดงท่าทางให้คนอื่นเข้าใจผิด เช่น สั่นศีรษะ หรือโบกมือปฏิเสธในเรื่องควรรับ หรือพยักหน้ารับในเรื่องที่ควรปฏิเสธ เป็นต้น ลักษณะของการแสดงมุสาวาท กล่าวคำเท็จ มี ๗ วิธี คือ ๑. ปด คือ การโกหกชัด ๆ ไม่รู้ว่ารู้ ไม่เห็นว่าเห็น ไม่มีว่ามี เป็นต้น ๒. ทนสาบาน คือ ทนสาบานเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าตนไม่เป็นเช่นนั้น จะด้วยวิธีแช่งตัวเอง หรือเป็นพยานทนสาบาน แล้วเบิกความเท็จในศาล ๓. ทำเลห์กะเท่ห์ คือ การอวดอ้างความศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เป็นจริง เช่น อวดวิเศษเริ่มใบ้หวยโดยไม่รู้จริงเห็นจริง เป็นต้น ๔. มายา คือ การแสดงอาการหลอกคนอื่นให้เขาเห็นผิดจากความเป็นจริง เช่น ไม่เจ็บทำเป็นเจ็บ เจ็บน้อยทำเป็นเจ็บมาก เป็นต้น ๕. ทำเลศ คือ ไม่อยากจะพูดเท็จ แต่พูดเล่นสำนวน พูดคลุมเครือให้ผู้ฟังคิดผิดไปเอง เช่น เห็นขโมยวิ่งผ่านหน้าไป ไม่อยากบอกให้ผู้อื่นทราบว่าตนเห็น จึงย้ายที่ยืนหรือที่นั่งไป เมื่อถูกถามพูดเล่นสำนวนว่าอยู่ที่นี่ไม่เห็น อย่างนี้เรียกว่า ทำเลศ ๖. เสริมความ คือ การพูดมุสาโดยอาศัยมูลเดิม แต่เสริมความให้มากกว่าที่เป็นจริง หรือเรื่องจริงมีนิดหน่อย แต่ก็พูดขยายความออกเสียยกใหญ่จนเกินความจริงไป เช่น พูดโฆษณาสินค้า พรรณนาสรรพคุณจนเกินความจริง ๗. อำความ คือ เรื่องใหญ่แต่พูดตัดความที่ไม่ประสงค์ที่จะให้รู้เสีย ให้กลายเป็นเรื่องเล็กบ้าง ให้เข้าใจเป็นอย่างอื่นบ้าง หรือปิดบังอำพรางไว้ ไม่พูด ไม่รายงานต่อผู้มีหน้าที่ให้รับทราบ นอกจากนี้การจำแนกลักษณะการกล่าวเท็จโดยทางอ้อม หมายถึง เรื่องที่กล่าวไปนั้นไม่เป็นความจริง โดยผู้กล่าวก็ไม่ได้จงใจให้ผู้ฟังเข้าใจผิด ที่เรียกว่า อนุโลมมุสา ซึ่งก็มีโทษ แต่ไม่ถึงกับการทำให้ศีลข้อนี้ขาด จะทำให้ศีลด่างพร้อย ได้แก่ ๑. พูดเสียดแทง กระทบกระแทกแดกดัน คือ พูดให้ผู้อื่นเจ็บใจ ๒. พูดประชด ยกให้เกินความจริง ๓. พูดด่า กดให้ต่ำกว่าความเป็นจริง ๔. พูดสับปลับ ด้วยความคะนองวาจา แต่ไม่ตั้งใจให้เข้าใจผิด ๕. พูดคำหยาบ คำต่ำทราม ๖. พูดคะนองวาจา ในการตัดสินว่าเราผิดศีลข้อ ๔ หรือไม่ ให้ดูที่องค์ประกอบทั้ง ๔ ประการดังนี้ ๑. เรื่องที่จะนำมาแสดงนั้นเป็นเรื่องไม่จริง ๒. มีจิตคิดจะพูดเท็จ ๓. พูดเท็จ หรือแม้จะแสดงอาการทางกาย ทำให้ผู้อื่นเข้าใจความหมาย ๔. ผู้รับสารเชื่อตามเนื้อหาอันเป็นเท็จนั้น หากครบองค์ทั้งสี่ ก็เป็นอันว่าผิดศีลข้อมุสาวาท ส่วนว่าจะมีโทษมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ ๑. ความเสียหายที่เกิดขึ้นว่ามากน้อยเพียงใด ๒. เจตนาที่จะทำให้ผู้อื่นเสียหาย ๓. คุณธรรมความดีของผู้ที่ถูกละเมิด ถ้ามาพูดโกหกพระภิกษุสงฆ์ผู้มีศีลบริสุทธิ์ก็จะมีโทษมาก ผู้ที่ผิดศีลข้อ ๔ เป็นอาจิณ เมื่อก่อนละโลกจึงเห็นกรรมนิมิตที่ตนทำเอาไว้ จึงมีคตินิมิตที่ดำมืด ทำให้ไปบังเกิดในอบาย โดยเริ่มต้นจากมหานรกขุมที่ ๔ ก่อน จะได้รับทุกข์ทรมานอย่างหนักคือ จะมีนายนิรยบาลที่มีลิ้นยาวออกจากปาก มีลักษณะเหมือนใบมีดคมกริบ ในมือก็ถือตะบองหนาม มืออีกข้างก็ถือลูกตุ้มเหล็ก แล้วใช้ลิ้นที่เป็นดาบมาเฉือนหนังชั้นนอกของสัตว์นรกออก แล้วใช้ตะบองหนามและลูกตุ้มหนามทุบตีไปบนร่างกายของสัตว์นรก จากนั้นก็จะใช้ถังตักน้ำคูถกรดมาสาดใส่ร่างของสัตว์นรกให้ได้รับความทุกข์ทรมานจนตาย เป็นเช่นนี้อยู่ยาวนาน เมื่อหมดกรรมไปสู่อุสสทนรก ก็ต้องไปแหวกว่ายอยู่ในทะเลน้ำคูถกรด ได้รับทุกข์ทรมาน ตายแล้วเกิดวนเวียนอยู่อีกยาวนาน เมื่อว่ายถึงอีกฝั่งก็จะมีอีกาปากเหล็ก คอยให้จิกร่างกายของสัตว์นรก แล้วจะถ่ายคูถกรดรดร่างของสัตว์นรก ให้ได้รับความทุกข์ทรมานจนตายเกิดสลับไปมาจนหมดกรรม เมื่อหมดกรรมจากอุสสทนรกก็จะไปที่ยมโลก จะถูกเจ้าหน้าที่ในยมโลกจับโยนลงไปในบ่อคูถกรดร้อน ให้แหวกว่ายอยู่ในนั้นจนหมดกรรม ก็จะพยายามหนีขึ้นมา ก็จะใช้หอกทิ่มแทงได้รับทุกข์ทรมานมาก ถ้าตอนเป็นมนุษย์เคยพูดโกหกบิดเบือนเอาไว้ ก็จะมีลักษณะร่างกายที่บิดเบี้ยวคดเคี้ยวไปมา ยิ่งถ้าพูดบิดเบือนมาก ร่างกายก็จะบิดเบี้ยวมาก ถ้าไปเป็นเปรตก็จะมีลักษณะประหลาดคือ แขนมาอยู่แทนขา และขาก็ไปอยู่แทนแขน หัวมาอยู่ที่ก้นต้องคอยกินคูถที่ตนเองถ่ายออกมา เพราะกรรมที่พูดคำเท็จทำให้เรื่องราวกลับตาลปัตรกลับไปกลับมา เมื่อหมดกรรมจากยมโลกก็จะมาเป็นสัตว์เดรัจฉานชนิดต่าง ๆ เริ่มจากสัตว์ชั้นต่ำ เช่น แมลงที่อาศัยอยู่ในกองคูถ หรือสัตว์ที่อาศัยอยู่ในถังส้วม เช่น หนอน แมลงสาบ สัตว์ที่กินคูถเป็นอาหาร ถ้าดีขึ้นมาหน่อยก็เกิดเป็นสุนัขขี้เรื้อน หรือสัตว์ขี้เรื้อนชนิดต่าง ๆ ด้วยวิบากกรรมที่ทำให้ผู้ถูกโกหกต้องร้อนอกร้อนใจจากคำพูดของพวกเขา แม้มาเกิดเป็นมนุษย์ก็จะมีฟันเหยิน ฟันเกไม่งดงาม แล้วก็จะถูกเขาใส่ร้ายบิดเบือนเรื่องราวให้ผู้อื่นเข้าใจผิด เป็นอยู่เช่นนี้ทำให้ชีวิตไม่มีความสุข ดังนั้นจึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะกล่าววาจาเท็จ ว่าร้ายผู้อื่นโดยเฉพาะผู้ทรงศีล เพราะไม่คุ้มกับวิบากกรรมที่จะต้องได้รับในอบาย ควรกล่าวแต่ปิยวาจา คำที่ยกจิตชูใจจะดีกว่า ใครฟังแล้วก็สบายอกสบายใจ พูดแต่เรื่องจริง เป็นประโยชน์ จะทำให้โลกของเราใบนี้น่าอยู่ตลอดไป