Скачать с ютуб ทักษิณ vs แพทยสภา วิเคราะห์ประวัติศาสตร์ ถอดรหัส ความขัดแย้ง จาก 30 บาทรักษาทุกโรค ถึงชั้น 14 в хорошем качестве

ทักษิณ vs แพทยสภา วิเคราะห์ประวัติศาสตร์ ถอดรหัส ความขัดแย้ง จาก 30 บาทรักษาทุกโรค ถึงชั้น 14

*ปมขัดแย้งลึกในวงการแพทย์กับ ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย: วิเคราะห์จากนโยบาย สู่กรณี 'ชั้น 14' และบทบาทแพทยสภา* ทำความเข้าใจ**ความขัดแย้งที่ซับซ้อนและหยั่งรากลึก**ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์บางส่วน ทั้งใน**แพทยสภา**และวงการแพทย์กว้างๆ ต่อตัว**นายทักษิณ ชินวัตร** และ**พรรคเพื่อไทย** กรณี *"ชั้น 14" ที่โรงพยาบาลตำรวจ* เป็นเหตุการณ์ล่าสุดที่เป็น "สายล่อฟ้า" ดึงความคับข้องใจในอดีตให้ปะทุขึ้น ความขัดแย้งนี้ไม่ได้มีเพียงมิติทางจริยธรรมแพทย์หรือนโยบายสาธารณสุขเท่านั้น แต่ยัง**พันเกี่ยวกับการเมืองไทย**โดยรวม *รากฐานความไม่พอใจในอดีต:* *นโยบาย "30 บาทรักษาทุกโรค":* นโยบายเรือธงของรัฐบาลทักษิณและเพื่อไทย ที่แม้เพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชนอย่างกว้างขวาง แต่ก็ได้สร้าง**แรงกดดันมหาศาลต่อบุคลากรทางการแพทย์** ทั้งภาระงานที่เพิ่มขึ้น ปัญหาทรัพยากร และผลกระทบต่อการเงินโรงพยาบาล *นโยบาย "30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว" ในปัจจุบัน* ก็ยังเผชิญข้อกังวลเรื่องความแออัดในโรงพยาบาลขนาดใหญ่และภาระทางการเงิน *นโยบายจ่ายค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงาน (P4P):* ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นโยบาย P4P จุดชนวน**ความขัดแย้งรุนแรง** โดยเฉพาะจาก**กลุ่มชมรมแพทย์ชนบท** ที่มองว่านโยบายนี้**สร้างความเสียเปรียบ**แพทย์ในพื้นที่ห่างไกล เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ และซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำ การประท้วงเรื่อง P4P กลายเป็นสัญลักษณ์ของความไม่พอใจที่รัฐบาลกลางไม่เข้าใจการทำงานของแพทย์ชนบท *บทบาทของแพทยสภาที่ถูกตรวจสอบในอดีต:* ก่อนกรณี "ชั้น 14" *แพทยสภาเคยเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากสังคมและผู้ป่วย* โดยเฉพาะเรื่องบทบาทในการกำกับดูแลจริยธรรมและความรับผิดชอบของแพทย์ มีข้อกล่าวหาว่า: *มักมีมติ "ไม่มีมูล"* ต่อข้อร้องเรียนผู้ป่วยเกือบทุกคดี. ใช้**เวลาพิจารณาล่าช้ามาก** บางคดีนานถึง 13 ปี หรือดึงเรื่องจนหมดอายุความ. มีแนวโน้ม**ปกป้องพวกพ้อง** เช่น นำทีมแพทย์สู้คดีกับผู้ป่วยในศาล อบรมแพทย์ให้เขียนเวชระเบียนป้องกันการถูกฟ้อง. มีการ**ล็อบบี้หน่วยงานอื่น**ให้ส่งเรื่องมาขอความเห็นจากแพทยสภาก่อน. **ต่อต้านกฎหมายคุ้มครองผู้เสียหาย**. *กรณี "ชั้น 14": ตัวเร่งปฏิกิริยาในปัจจุบัน* เหตุการณ์ที่**นายทักษิณ ชินวัตร พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจเป็นเวลานาน** ทำให้เกิดคำถามถึงความโปร่งใสและสิทธิพิเศษ *แพทยสภาได้สอบสวนแพทย์ที่เกี่ยวข้อง**และมีมติเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 **ลงโทษแพทย์ 3 ราย* โดยพบว่าแพทย์ 2 ราย**ให้ข้อมูล/เอกสารทางการแพทย์ไม่ตรงกับความจริง** และ**ไม่พบหลักฐานเชิงประจักษ์ว่ามีภาวะวิกฤต** ซึ่งมตินี้ต้องรอการพิจารณาจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข. *ปฏิกิริยาและผลกระทบ:* **นายทักษิณวิจารณ์แพทยสภา**ว่ากรรมการบางคนมีปัญหาจริยธรรม. **พรรคเพื่อไทย**ตั้งวอร์รูมสื่อสารเพื่อชี้แจง. *กลุ่มแพทย์อาวุโสและศิษย์เก่าแพทย์จุฬาฯ* ออกแถลงการณ์สนับสนุนมติแพทยสภา **เรียกร้องให้ยึดมั่นจริยธรรม**และ**ต่อต้านการแทรกแซงทางการเมือง**. ยังคงมี**กระบวนการทางกฎหมาย** โดย ป.ป.ช. กำลังไต่สวนเจ้าหน้าที่รัฐ 12 รายกรณีเอื้อประโยชน์. ผลการสอบสวนของแพทยสภาอาจถูกนำไปใช้ประกอบการพิจารณาทางกฎหมาย. *การวิเคราะห์เชิงจิตวิทยาสังคมและองค์กร:* ความไม่พอใจนี้สะท้อนถึง: **พลวัตกลุ่มและอัตลักษณ์**ในวงการแพทย์ที่แบ่งเป็นกลุ่มย่อย. **การรับรู้ถึงความเป็นธรรม**ที่ไม่เท่าเทียมกัน. *ความไว้วางใจต่อสถาบัน* (แพทยสภา, รัฐบาล) ที่ลดน้อยลง. **อคติทางปัญญา**ในการตีความเหตุการณ์. **แรงกดดันในองค์กร**และผลกระทบต่อความเป็นอิสระทางวิชาชีพ. กรณี "ชั้น 14" และปฏิกิริยาต่อมติแพทยสภา เป็น**บททดสอบสำคัญต่อความเป็นอิสระทางจริยธรรม** และ**ความสามารถในการต้านทานแรงกดดันทางการเมือง**ของแพทยสภา การที่ประเด็นจริยธรรมแพทย์ถูกโยงกับการเมือง แสดงถึงความท้าทายต่อบูรณภาพของวิชาชีพ การแก้ไขปัญหาต้องมุ่งที่การ**ปฏิรูปเชิงระบบ**เพื่อเสริมสร้าง**ความโปร่งใส ความรับผิดชอบ** และการเสวนาอย่างแท้จริง. บันทึกเล่าเรื่อง ชีพธรรม คำวิเศษณ์ พฤหัสบดี 29 พฤษภาคม 2568