Скачать с ютуб ชุดพญาเสือติดตามคดีคออี้พร้อมพวกบุกรุกป่าแก่งกระจาน 2 mp4 в хорошем качестве

ชุดพญาเสือติดตามคดีคออี้พร้อมพวกบุกรุกป่าแก่งกระจาน 2 mp4

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธ์พืช มอบชุดพญาเสือติดตามคดีผู้บุกรุกป่าแก่งกระจาน หลังนายโคอิ พร้อมพวก ๖ คนแสดงตัวเป็นผู้กระทำความผิดในศาลปกครองจากการฟ้องคดีและได้รับสินไหมจากคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดไปแล้ว ซึ่งจะต้องถูกดำเนินคดีเป็นผู้บุกรุกพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานทั้งอาญาและแพ่ง ตามกฎหมายอุทยานแห่งชาติและกฎหมายอื่น หากละเว้นเจ้าหน้าที่เองจะถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อเวลา 10.00 น.ของวันนี้ นายอรรพงษ์ เภาอ่อน และนางสาวเนตรนภา งามเนตร ผู้รับมอบอำนาจจากหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ) เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.อรรถพร สุรฉัตร สารวัตรสอบสวนสภ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เพื่อติดตามคดีที่ทางอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้แจ้งคดีมีผู้บุกรุกผืนป่าในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเมื่อปี พ.ศ.2545-2546 ในโครงการขยายผลการอพยพผลักดันหรือจับกุมชนกลุ่มน้อยที่บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติแกงกระจานตามแนวชายแดนไทย-สหภาพเมียนมาร์ มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ยุทธการตระนาวศรี” ซึ่งเจ้าหน้าที่เริ่มปฏิบัติการตามโครงการดังกล่าวตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๓๓ เป็นต้นมา ซึ่งระหว่างนั้นได้มีการเข้าตรวจยึดพื้นที่และไม่พบตัวผู้กระทำความผิด โดยได้แจ้งคดีไว้ที่สภ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ต่อมาภายหลังพบว่ามีบุคคลรวม 6 คน ไปแสดงตัวและยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองว่า เจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ ได้ไปทำลายบ้านและทรัพย์สินรวมทั้งเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหาย ต่อมาศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อส๗๗/๒๕๕๙ คดีหมายเลขแดงที่ อส.๔/๒๕๖๑ ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธ์พืช ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายโคอิ มีมิ กับพวกรวม ๖ คน เป็นเงินรวม ๓๐๐.๙๘๗ บาท เมื่อวันที่ ๑๑ ก.ค.๒๕๖๑ โดยในคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ระบุว่า ผู้ฟ้องคดีทั้ง ๖ เข้าไปบุกรุกพื้นที่ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โดยไม่มีสิทธิในที่ดินหรือหลักฐานการได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการยึดถือหรือครอบครองที่ดินภายในเขตอุทยานแห่งชาติ ผ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา ๑๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๐๔ เท่ากับว่า นายโคอิ มีมิ กับพวกรวม ๖ คน เป็นผู้กระทำความผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ ตามผลแห่งคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จึงได้มอบหมายให้หน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ) ดำเนินการเข้าพบพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรแก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ทราบตัวผู้กระทำความผิดในคดีดังกล่าว เพื่อให้ติดตาม สืบสวน สอบสวน ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง ๖ คน จากการยึดถือหรือครอบครองที่ดินภายในเขตอุทยานแห่งชาติ ผ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา ๑๖ (๑) แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๐๔ และนำตัวไปชี้จุดเกิดเหตุ เพื่อให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานประเมินค่าเสียหายทางแพ่ง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ต่อไป ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับแจ้ง และจะดำเนินการติดตามตัวผู้ต้องหาทั้ง ๖ มาสอบสวน หากพบว่าเป็นผู้กระทำความผิดจริงก็จะต้องดำเนินคดีต่อไป นายอรรพงษ์กล่าวว่า วันนี้หลังจากที่มีผู้แสดงตัวว่า เป็นผู้เข้าไปบุกรุกแผ้งถางป่าในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ในการฟ้องคดีต่อศาลปกครอง และศาลปกครองสูงสุด กระทั่งศาลปกครองสูงสุดมีคำวินิจฉัยและพิพากษาคดี กระทั้งผู้ฟ้องคดีทั้ง ๖ ได้รับค่าสินไหมเป็นการเยียวยาเครื่องอุปโภคและบริโภคที่เสียหายแล้ว ทางกรมอุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่าเอง ก็ต้องนำคำพิพากษาของทั้งศาลปกครองและศาลปกครองสูงสุดมาแจ้งให้พนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจาน ทราบว่า บัดนี้ทราบตัวผู้กระทำความผิดที่ทางอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้เคยแจ้งคดีบุกรุก แผ้วถาง และล่าสัตว์ป่า รวมทั้งทำลายให้ทรัพยากรเสื่อมสภาพไปตามหลักฐานที่ส่งคดีไว้ เพื่อให้พนักงานสอบสวนได้เชิญผู้ต้องหาทั้ง ๖ นายมาสอบสวนเพื่อพิจารณาส่งฟ้องคดีเพื่อรับโทษและชดใช้ในความเสียหายที่ก่อขึ้นต่อไป ไม่เช่นนั้น ทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธ์พืชเอง จะถูกกล่าวหาว่า มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เสียเอง เพราะมีการแสดงตัวว่าเป็นผู้กระทำความผิดอย่างชัดเจน และได้รับสินไหมการเยียวยาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย